
สร้างแบรนด์ ใช้งบเท่าไหร่? เคล็ดลับกำไรไว
“อยากปั้นแบรนด์ร้านอาหารหรือเครื่องสำอางของตัวเอง เลือกลงทุนอย่างไรไม่ให้เงินจมหาย?” นี่คือคำถามใหญ่ที่ SME ไทยยุคนี้ ต้องการคำตอบที่ชัดเจน ไม่ใช่แค่ตัวเลขต้นทุน แต่ต้องรู้แผนการกระจายงบ ผลกระทบต่อต้นทุนต่อหนึ่งหน่วย บริหารกำไร รวมถึงเทคนิคที่ช่วยลดความเสี่ยงช่วงตั้งไข่แบรนด์ใหม่ๆ
บทความนี้ StoreHub ขอเจาะลึกกลยุทธ์สร้างแบรนด์ตั้งแต่ศูนย์ ไม่ว่าคุณจะอยู่สาย F&B หรือค้าปลีก รู้ครบทั้งต้นทุน ซ่อนงบที่ต้องวางแผน ต้นทุนแฝงที่ SME เจอจนกำไรหาย พร้อมแนวทางเลือกโรงงาน-บริการครบวงจรและวางแผนใช้ทุกบาทให้คุ้มที่สุด ผ่านประสบการณ์และเคสจริงของเจ้าของแบรนด์ SME ไทย
อ่านจบ คุณจะรู้ว่าการสร้างแบรนด์ใหม่ในปี 2025 ทำอย่างไรให้ “เริ่มต้นเล็กแต่โตไว” ไม่เสียเวลา ลุยตลาดได้ไวกว่าเดิม พร้อมเทคนิคที่ธุรกิจใหญ่ใช้ แล้ว SME ก็ใช้ได้เช่นกัน
What You’ll Learn
- 1. ปัจจัยสำคัญที่กำหนดงบสร้างแบรนด์ – เลือกทางไหนก็สร้างความได้เปรียบ
- 2. เปิดงบลงทุนสร้างแบรนด์ – ยกตัวอย่างจริง จากงบหลักหมื่นถึงหลักแสน
- 3. ค่าใช้จ่ายสำคัญที่เจ้าของธุรกิจต้องเตรียม
- 4. งบการตลาดกับการสร้างแบรนด์ – ลงทุนอย่างไรให้เห็นยอดขายจริง
- 5. เทคนิคเลือกโรงงานและบริการวางแผนงบ – ลดความเสี่ยง เลี่ยงงบจม
- 6. คำถามพบบ่อย: สร้างแบรนด์ SME งบเท่าไหร่ เหมาะกับใคร?
- 7. สรุป: วางแผนสร้างแบรนด์ให้โตไว – ก้าวสู่ SME ที่ขยายตลาดแบบยั่งยืน
1. ปัจจัยสำคัญที่กำหนดงบสร้างแบรนด์ – เลือกทางไหนก็สร้างความได้เปรียบ
ก่อนจะตั้งงบหรือหยิบ calculator ขึ้นมา ขอให้ SME ทุกคนเข้าใจว่า “งบเริ่มต้น” ไม่ได้ตายตัว เพราะแต่ละธุรกิจมีตัวแปรที่พลิกกลยุทธ์ (และต้นทุน) ได้ตลอด เช่นในธุรกิจ F&B กับสินค้า Beauty งบที่ใช้และกำไรที่ได้อาจต่างกันหลายเท่าในแต่ละขั้นตอน
- ประเภทสินค้าและสูตรที่เลือก
เช่นครีมหรืออาหารเสริม สินค้าสูตรมาตรฐาน (OEM) ต้นทุนต่อชิ้นอาจถูกกว่าแบบสูตรเฉพาะที่ต้องวิจัยหรือใส่สารสกัดพิเศษ หากคุณเลือกสูตรทั่วไป บางโรงงานเริ่มสั่งผลิตขั้นต่ำเพียง 500-1,000 ชิ้น (ดู source), งบก็ประหยัดขึ้นหลายเท่า ในธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม ก็เช่นเดียวกัน – ใช้สูตรสำเร็จหรือสร้างสูตรเฉพาะมีผลโดยตรงต่อต้นทุนต่อหน่วยและความโดดเด่นของแบรนด์ - จำนวนขั้นต่ำในการสั่งผลิตจากโรงงาน
โรงงานไทยบางแห่งมีขั้นต่ำที่ 500-1,000 ชิ้น/ล็อต แต่บางแห่งสำหรับแบรนด์ที่ต้องการภาพพรีเมียมหรือ exclusive line จะขยับขั้นต่ำไปที่ 5,000 – 10,000 ชิ้น ค่าเฉลี่ยต้นทุน/หน่วยจะถูกลงถ้าคุณสั่งเยอะ แต่ก็ล็อกเงินก้อนโตไว้กับสต็อก (ที่ยังไม่รู้ว่าจะขายหมดเมื่อไร) - คุณภาพวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์
งบจะถีบตัวสูงขึ้นทันที หากเลือกวัตถุดิบนำเข้าหรือบรรจุภัณฑ์หรู เช่น กระปุกครีมแบบ custom-made หรือกล่องพิมพ์เคทอง ซึ่ง SME ส่วนมากมักเลือกบรรจุภัณฑ์มาตรฐานเพื่อลดต้นทุนล็อตแรกให้ต่ำสุด แล้วค่อยอัปเกรดเมื่อแบรนด์แข็งแรงและเริ่มมีกำไรรอบถัดไป - บริการเสริมจากโรงงาน (R&D สูตร, จด อย., ออกแบบ, ที่ปรึกษา)
โรงงานใหญ่ยุคนี้ให้บริการครบวงจร (One Stop Service) ตั้งแต่คิดสูตร, วิจัย, ออกแบบโลโก้, ออกแบบแพ็คเกจ, ขึ้นทะเบียน อย. ไปถึงที่ปรึกษาวางกลยุทธ์ตลาด ซึ่งถ้าคุณเลือกใช้บริการเหล่านี้ งบก้อนแรกจะสูงขึ้น แต่ได้ลดเวลาลองผิดถูก และสามารถเน้นวิ่งขายหรือสร้างฐานลูกค้าได้เลย (ดู source)
บทเรียนจาก SME ไทย หลายรายที่เริ่มจากของเล็ก (ล็อตละ 500 ชิ้น งบรวม 50,000-70,000 บาท) ระบุว่า “ถ้าเลือกแพ็คเกจมาตรฐาน งบจะไม่บานปลายและควบคุมง่ายกว่ามาก”

2. เปิดงบลงทุนสร้างแบรนด์ – ยกตัวอย่างจริง จากงบหลักหมื่นถึงหลักแสน
SME ไทยรู้ไหม? ปี 2025 คุณสามารถสร้างแบรนด์สินค้า (อาหาร, เครื่องดื่ม, ครีม, อาหารเสริม) ด้วยงบหลักหมื่นก็ลุยตลาดได้แล้ว แม้อีกฝั่งหนึ่งงบ “ครบวงจรพร้อมสร้างยอดขาย” ก็พุ่งไปที่หลักแสนขึ้นไป สำหรับรันแบรนด์แบบมืออาชีพ
- ลงทุนขั้นต่ำ: 10,000–50,000 บาท
- เหมาะสำหรับล็อตสั่งผลิตเล็ก สินค้า OEM (สูตรมาตรฐาน), เริ่มวางขายในกลุ่มเล็กหรือทดสอบตลาด
- ปกติสามารถได้สินค้าประมาณ 500–1,000 ชิ้น เช่น กระปุกครีมกระปุกละ 100 บาท, โรงงานตั้งขั้นต่ำสั่ง 500 กระปุก (ดูข้อมูล Pantip: งบเท่าไหร่ถึงสร้างแบรนด์ครีมได้)
- งบกลาง–ครบวงจร: 100,000–300,000+ บาท
- เหมาะสำหรับ SME ที่พร้อมขยายตลาด, ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือและแบรนด์สเกลกลาง–ใหญ่
- ได้สินค้าหลักพัน–หลักหมื่นชิ้น + ได้บริการเสริมครบ เช่น R&D, ออกแบบ, วางแผนการตลาด, ขึ้นทะเบียน อย.
- งบการตลาด: หลักหมื่น–หลักแสน
- แนะนำให้แยกกับงบผลิต (คิดแยกกล่อง: งบสร้างสินค้า, งบสร้างตลาดเห็นยอดขาย)
- งบการตลาดในปีแรก 30,000–200,000 บาทจะช่วยสร้างฐานลูกค้าตัวจริง, และเพิ่มยอดสั่งซ้ำในร้าน F&B หรือค้าปลีก
สูตร SME โตไว อย่าอัดงบผลิตทั้งหมดจนหมดหน้าตัก ให้แบ่งอย่างน้อย 20–40% ของงบเพื่อเอาไว้ทำการตลาด และทดลองสินค้า/บริการใหม่ (Inspired by StoreHub’s SME growth principle: “Start lean, scale smart!”)
3. ค่าใช้จ่ายสำคัญที่เจ้าของธุรกิจต้องเตรียม
ก่อนสรุปเม็ดเงินลงบัญชี รู้หรือไม่? เจ้าของแบรนด์มือใหม่มักเจอกับค่าบริการ “จิปาถะ” ที่ไม่ทันคิดถึงตั้งแต่แรก ซึ่งพาให้ต้นทุนบานปลายจน cash flow ติดลบ บทนี้ขอแจกแจงค่าใช้จ่ายหลักที่ต้องวางแผนให้พอ
- ค่าวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ สินค้าครีม/อาหารเสริม/อาหาร ก้อนหลักของงบ เช่น วัตถุดิบนำเข้า+วัตถุดิบออร์แกนิกหรือสูตรเฉพาะ จะดันราคาให้สูงตามล็อกที่คุณต้องการ
- ค่าพัฒนาสูตร/วิจัย (R&D) ต้องการแตกต่างหรือสร้างสินค้าพรีเมียม? งบ R&D (คิดสูตร วิจัย เลือกสาร) ปกติคิดเพิ่มจากสูตรมาตรฐานราว 5,000–30,000 บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและเทคโนโลยีที่ใช้
- ค่าบรรจุภัณฑ์/ออกแบบโลโก้/ฉลาก บรรจุภัณฑ์มาตรฐานจะถูกกว่าแบบ custom-made หรือกล่องพับ luxury สนใจเพิ่มคุณค่าแบรนด์? งบอาจเพิ่มขึ้นอีก 20–100% จากสินค้าเปล่าๆ
- ค่าจดทะเบียน, อย., เครื่องหมายการค้า ขึ้นทะเบียนสินค้าในไทย เช่น อย. (2,000–10,000 บาท), จดเครื่องหมายการค้า (6,000–12,000 บาท), จดทะเบียนนิติบุคคล (5,000–15,000 บาท) เป็นอีกก้อนที่ต้องบวกล่วงหน้า
- ค่าอื่นๆ (ขนส่ง, บริการเสริมจากโรงงาน, ค่าทำเว็บไซต์) ค่าส่งสินค้า, บริการให้คำปรึกษาระหว่างการผลิต, ค่าโปรโมทร้านค้าออนไลน์, ซื้ออุปกรณ์ POS และระบบบริหารร้าน – ทั้งหมดนี้ StoreHub มีโซลูชั่นครบ ตั้งแต่ POS ระบบจัดการสต็อก ช่องทาง QR Order & Pay ไปจนถึงระบบ Loyalty เชื่อมโยง Growth ทุกจุด!
ตัวอย่าง SME จริง งบกล่องแรก 50,000–70,000 บาท คือค่าผลิต + ค่าจดทะเบียนและออกแบบส่วนใหญ่ ถ้าไม่เผื่องบขนส่งหรือ packaging หรู ต้นทุนจริงจะบานปลายทันที
4. งบการตลาดกับการสร้างแบรนด์ – ลงทุนอย่างไรให้เห็นยอดขายจริง
SME หลายราย “หมดไฟ” หลังอัดงบไปกับผลิตภัณฑ์แล้วไม่มีลูกค้าใหม่ เพราะมองข้ามงบการตลาดที่ต้องจ่ายเพิ่มและ ROI ที่ได้ตอบแทน บทเรียนสำคัญคือ การแบ่งงบ “ทำสินค้า” กับ “สร้างตลาด” ต้องคิดคนละกล่อง!
- ค่าทำ Branding และสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) เช่น การออกแบบร้านใหม่, วางกลยุทธ์แบรนด์, ถ่ายภาพสินค้าอย่างมืออาชีพ งบประมาณอยู่ที่ 10,000 – 50,000 บาท สามารถสร้างแบรนด์จำกับใจกลุ่มเป้าหมายได้เร็วขึ้น
- งบโฆษณาและโปรโมท (ออนไลน์-ออฟไลน์) ยิงโฆษณา Facebook, Google, Instagram ช่วงเปิดตัว งบแนะนำ 5,000–30,000 บาท/เดือนในช่วง 3 เดือนแรก สำหรับ SME ร้านอาหาร – ใช้ระบบ Loyalty และโปรโมชั่นใน StoreHub หลังบ้านร่วมด้วยเพื่อเร่งให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้มากขึ้น
- การใช้ Influencer หรือช่องทางพิเศษ ลงทุนจ้าง influencer หรือรีวิวสินค้าในเพจเฉพาะทาง กลุ่ม beauty หรืออาหารเสริม งบคร่าวๆ อยู่ที่ 3,000–20,000 บาท/ครั้ง แล้วแต่พลังการเข้าถึงและกลุ่มเป้าหมาย
- งบการตลาดแยกต่างหากจากงบผลิต อย่าใช้หมดกับต้นทุนผลิต ตั้งกฎทองไว้ว่า “1 ใน 3 ของงบที่มีต้องเผื่อไว้ทำตลาด” – จะได้ไม่ต้องลำบากตามหาคนซื้อหลังของขึ้นสต็อกแล้ว

5. เทคนิคเลือกโรงงานและบริการวางแผนงบ – ลดความเสี่ยง เลี่ยงงบจม
ข้อผิดพลาดส่วนใหญ่ที่ SME มือใหม่มักเจอ คือมัดใจแค่ราคา ถูกสุดคือดีที่สุด แต่จริงๆ แล้ว ความมั่นคง มาตรฐาน และบริการหลังการขายของโรงงาน สำคัญยิ่งกว่าราคาเล็กน้อยที่อาจประหยัดได้
- เปรียบเทียบโรงงานหลายแห่งก่อนตัดสินใจ ขอรายละเอียดขั้นต่ำและใบเสนอราคาอย่างน้อย 3 เจ้า แจ้งงบกลางให้ชัด แล้วเปรียบเทียบสิ่งที่ได้ (บางแห่งราคาถูกแต่ไม่มีบริการจดทะเบียนหรือออกแบบโลโก้ ต้องจ่ายเพิ่มเอง)
- เลือกโรงงานมาตรฐาน GMP/ครบวงจร (One-Stop Service) ลดโอกาสสินค้า “ดองสต็อก” หรือปฏิเสธความรับผิดชอบเวลาเจอปัญหา และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ – โรงงานที่ดีจะอธิบายค่าใช้จ่ายทุกขั้น ไม่ปล่อยให้เจ้าของแบรนด์แบกรับความเสี่ยงคนเดียว
- โรงงานที่มีบริการที่ปรึกษา & ทีมวางแผน บริการที่ปรึกษามืออาชีพช่วย SME ตัดทางลูป “ลองผิดลองถูก” ได้ดี ช่วยประหยัดเวลาและควบคุมงบให้เหมาะกับเป้าหมาย เช่นเดียวกับ StoreHub ที่มีแพลตฟอร์มช่วย SME ดูแลทั้งหน้าร้าน–ออนไลน์ พร้อมรายงานวิเคราะห์ยอดขาย–สต็อกแบบ Real Time ให้วางแผนขยายตลาดได้ใกล้ชิด
ตัวอย่าง SME ภาคสนาม – สมาชิก Pantip #7304593 เล่าให้ฟังว่า ลงทุนกับโรงงานที่ให้คำปรึกษาครบวงจร งบหลักหมื่นก็เปิดตลาดได้ แถมเจ้าของแบรนด์ประหยัดทั้งเวลาและลดต้นทุนการ “ลองผิดลองถูก” ในระยะยาว
6. คำถามพบบ่อย: สร้างแบรนด์ SME งบเท่าไหร่ เหมาะกับใคร?
- งบประมาณขั้นต่ำสำหรับมือใหม่คือเท่าไร?
สำหรับตลาดครีมและอาหารเสริม มีโรงงานที่เริ่มต้นขั้นต่ำที่ 500–1,000 ชิ้น งบประมาณ 20,000–50,000 บาท (ยังไม่รวมงบการตลาด) - ต้องมีงบเท่าไรถึงจะเริ่มต้นขายได้จริง?
งบกล่องเล็ก 50,000–70,000 บาท ก็เข้าตลาดได้แล้ว ถ้าต้องการทำสูตรเฉพาะและแพคเกจหรู งบยิ่งเพิ่มอีกเท่าตัว - นักธุรกิจที่อยากขยายสาขาหรือขยายไลน์สินค้า ต้องเผื่องบอะไรเพิ่มเติม?
ควรเผื่องบพัฒนาสินค้าหรือ adaptation สำหรับตลาดใหม่ + ตั้งสำรอง “งบทดลอง” อย่างน้อย 20–30% สำหรับนวัตกรรมใหม่หรือการทดลองเข้าสู่ช่องทาง E-Commerce/Delivery (ซึ่งสามารถใช้ระบบ E-Commerce StoreHub รองรับการขายหลายช่องทางได้เลย) - การตลาดแบบไหนคุ้มค่าและเหมาะกับ SME ใหม่?
แนะนำทำตลาดออนไลน์และ Influencer marketing จุดเล็กๆ เฉพาะกลุ่มก่อน จะเห็นผลเร็วกว่าซื้อโฆษณาหนักๆ, ถ้าเป็นร้านอาหารใช้ Loyalty Program หรือระบบเก็บข้อมูลลูกค้าของ StoreHub เพื่อดึงกลับมาซื้อซ้ำจะวัดผลได้ง่ายและ ROI สูงสุด - ขอคำปรึกษาเรื่องต้นทุนหรือระบบร้านค้าควรเริ่มจากตรงไหน?
ปรึกษาโรงงานผลิตและระบบบริการร้านค้าแบบครบวงจร เช่น แพลตฟอร์ม StoreHub ที่ช่วยจัดการตั้งแต่ POS, สต็อกสินค้า, รายงานยอดขาย, ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์-ออฟไลน์ พร้อมทีม consult ดูแล SME โดยเฉพาะ
7. สรุป: วางแผนสร้างแบรนด์ให้โตไว – ก้าวสู่ SME ที่ขยายตลาดแบบยั่งยืน
สร้างแบรนด์ SME ในปี 2025 ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเป็นหลักแสนตั้งแต่วันแรก หลายแบรนด์ก้าวสู่ตลาดด้วยงบลงทุน 10,000–50,000 บาท เพียงรู้จักวางแผนต้นทุน แบ่งงบระหว่างการผลิตและการตลาดอย่างชาญฉลาด
- กำหนดประเภทสินค้าและเลือกรูปแบบการเริ่มต้น (สูตรมาตรฐาน, OEM, หรือสูตรเฉพาะ R&D)
- เปรียบเทียบโรงงานหลายแห่ง มองหาบริการครบวงจร+ที่ปรึกษา
- เผื่องบอย่างน้อย 1 ใน 3 สำหรับการตลาดออนไลน์/Influencer/สร้าง Loyalty ให้ลูกค้า
- เลือกใช้ระบบหลังบ้าน (POS, สต็อก, ระบบขายหน้าร้าน/ออนไลน์) ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ SME ไทย เช่น StoreHub
ถ้าคุณเป็นเจ้าของ SME ที่ต้องการสร้างแบรนด์-หรือขยายร้านไปอีกระดับ เริ่มต้นวางแผนงบลงทุนให้ชัด ใช้เครื่องมือวิเคราะห์จาก StoreHub พร้อมปรึกษาทีมผู้เชี่ยวชาญ เราช่วย SME ไทย “เริ่มต้นเล็ก โตไว” อย่างยั่งยืน
อย่าให้ต้นทุนและความไม่ชัดเจนเป็นตัวฉุดรั้งศักยภาพร้านของคุณอีกต่อไป – เริ่มใช้กลยุทธ์เหล่านี้กับ StoreHub วันนี้ เพื่อสร้างร้านค้ายุคใหม่ที่เติบโตจริงในทุกช่องทาง!
พร้อมให้ธุรกิจของคุณโตไวขึ้น? ขอคำปรึกษาระบบ POS-จัดการร้านค้ากับ StoreHub ได้เลย ที่นี่
